เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 เวลา 08.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำนาย OBA Yuichi : Embassy of Japan Deputy Chief of Mission นาย MORIYA Saika : Embassy of Japan Third Secretary นาย shiozaki san ประธานบริษัท มินิแบร์ จำกัด มหาชน พร้อมคณะ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ณ ห้องรับรองสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงความขอบคุณในการดำเนินโครงการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) ที่ให้การช่วยเหลือเยียวยาและฉีดวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัททั้ง 38,000 คน ทำให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นและมั่นใจในกระบวนการผลิตสินค้า สามารถผลิตสินค้าและส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจดำเนินการไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถฝ่าฟันปัญหาวิกฤตโควิด-19 ในปีที่ผ่านมาได้ โดยมีนางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ โฆษกกระทรวงแรงงาน (ฝ่ายการเมือง) เข้าร่วมด้วย
นายสุชาติ กล่าวว่า บริษัท มินิแบร์ จำกัด เป็นบริษัทใหญ่ที่มีการลงทุนในประเทศไทยยาวนานต่อเนื่อง ประกอบกิจการชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทผลิตตลับลูกปืน มอเตอร์ขนาดต่างๆ รวมทั้งเครื่องมือแพทย์ส่งขายทั่วโลก มีการลงทุนใน 22 ประเทศ และในประเทศไทยมีพนักงาน 38,000 คน ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา นาย Shiozaki San ประธานบริษัท ได้เข้าพบผมเพื่อแสดงความขอบคุณที่รัฐบาลได้ให้การช่วยเหลือการฉีดวัคซีนและเยียวยาพนักงานของบริษัท ทำให้ไม่มีผลกระทบต่อผลการประกอบการ จนทำให้ผู้บริหารใหญ่ของบริษัทซาบซึ้งในความจริงใจของรัฐบาลไทยที่มีต่อนักลงทุนต่างชาติ นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่นักลงทุนต่างชาติเล็งเห็นถึงเจตนารมณ์ที่ดีของรัฐบาล จึงได้แจ้งความประสงค์ขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อขอบคุณรัฐบาลด้วยตนเองต่อไป
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวว่า ผมรู้สึกยินดีที่ในวันนี้ประเทศไทยและญี่ปุ่น ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมายาวนาน ตลอดจนมีความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญและคำนึงถึงภาคอุตสาหกรรม ที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินโครงการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดในโรงงาน (Factory Sandbox) เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่สามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่องและระบบเศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้ ในวันนี้ผมขอขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่เห็นด้วยกับแนวนโยบายและยุทธศาสตร์ชาติของประเทศไทย ตลอดจนเชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทยที่มีภาคอุตสาหกรรมที่มั่นคง และเป็นประเทศเดียวที่สามารถรักษาการจ้างงานไว้ได้ ทั้งนี้ บริษัทยังได้ไว้วางใจและเลือกประเทศไทยเป็นฐานการลงทุนการผลิตครั้งใหม่ที่สอดคล้องกับโมเดล BCG ของไทย และ Green Growth Strategy ของญี่ปุ่น ที่คำนึงสิ่งแวดล้อม ลดโลกร้อน ประหยัดพลังงาน โดยยืนยันว่าประเทศไทยให้การดูแลและคุ้มครองคนทุกคน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอย่างเท่าเทียมกัน
อ้างอิง
https://siamrath.co.th/economy